บทไหว้ครู : ในวรรณกรรมท้องถิ่น

บทไหว้ครู : ในวรรณกรรมท้องถิ่น



          นักกวีรุ่นก่อน ๆ ถือเป็นธรรมเนียมกันมา การแต่งกาพย์กลอน ต้องเริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู เพื่อความเป็นสิริมงคลช่วยให้มีความคิดแจ่มใส แต่งได้ไม่ติดขัด มีความไพเราะเพราะพริ้ง นักกวีทุกท่านจะเริ่มต้นด้วยการเคารพนอบน้อมคุณพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ประมุขแห่งรัฐ เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง จบด้วยการถ่อมตัวขออภัยในการแต่งพลั้งพลาด ขอให้นักกวีช่วยแต่งเติมแก้ไข

กวีภาคใต้รุ่นก่อน นิยมแต่งกาพย์เป็นพื้น เพราะใช้เป็นหนังสือสวด ลองเปรียบเทียบบทไหว้ครูของนักกวีแต่ละท่านว่ามีความแตกต่างหรือคล้ายคลึงกันอย่างไร บทไหว้ครูเสมือนเป็นคำนำชี้ชวนให้ผู้อ่านสนใจ จึงกรองเกลาถ้อยคำเป็นพิเศษ ขอยกพอเป็นตัวอย่างต่อไปนี้

๑. กฤษณาสอนน้อง ดูเหมือนเป็นเรื่องเดียวที่กวีภาคใต้แต่งเป็นคำฉันท์ แต่ไม่สู้เคร่งครัดในฉันทลักษณ์มากนัก แต่งในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี แต่งที่เมืองนครศรีธรรมราชใช้กวีร่วมกันถึง ๒ ท่าน คือ พระยาสุภาวดี และพระภิกษุอิน บทไหว้ครูมีดังนี้

“ขอถวายกรเกษกกฤษฎางค ดุษดินทรวรางค
บรมไตรยรตโน
พระสวยมภูวนุตโม มหันตนาโถ
ดิลกคุเณนิตยไตรย
ปองโปรดชดสัตวสบสมัย เมือโมควาลัย
ประลาศบ่วงเบญจมาร
สุตันตปิฎกประดิษฐาน โลกุตมาจารย
นำสัตว์สู่มัคผล
เผด็จบาปบรรเทาทุกขดล อวยศุภมงคล
คุณาดิเรกคงตรง
อสีติอัษฎางคริยสงฆ สากยบุตรดรง
วิสุทธิศิลสังวร
บริรักษพระสาสนสโมสร นโมสาธร
จะส้องจะสาราคิน
เส็จถวายสีโรตมาจินต สรวมสวัสดิกมลินท
อัมเรศอิศโรราเชนทร
สรวมพระพิรุณราชนาเคนทร โสโมสุริเยนทร
เชิญช่วยบำบัดอันตราย
ขอแถลงแต่งเบื้องบรรยาย ประสมต้นปลาย
เป็นบทโสลกกล่าวกลอน”

๒. สุทธิกรรม แต่งในสมัยสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่งเป็นกาพย์ ใช้หนังสือสวดและเป็นบทเรียนสำหรับนักเรียนในสมัยนั้นฝึกอ่าน ผู้แต่งคือพระอุดมปิฎก เจ้าอาวาสวัดสุนทราวาส อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ที่ยืนยันว่าแต่งในสมัยสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ฝรั่งเรียกพระองค์ว่า “คิงส์มงกุฎ” จากบทไหว้ครูว่า “พระจอมมงกุฎยิ่งมนุษย์อสูร” บทไหว้ครูจากเรื่องสุทธิกรรมมีดังนี้

“ยอกรเกยเกษ จำนงจงเจตน์ นอบนบบาทมูล
พระจอมมงกุฎ ยิ่งมนุษย์อสูร ทั่วไตรโลกมูน
โสมนัสศรัทธา
คุณาอเนก กรุณาอเนก แก่สรรพสัตตา
อันหลงวงเวียน ด้วยโลภเจตนา ข้องในราคา
กิเลสมัวมน
ยกรื้อฝูงสัตว์ จากตัณหาวัฎ ให้ได้มรรคผล
พ้นจากอวิชชา เป็นอริยะบุคคล พระคุณเลิศล้น
อยู่เกล้าเกศา
ขอน้อมศีโรตม์ จิตข้าปราโมทย์ ต่างกุสุมา
ต่อตั้งอุทิศ จงจิตบูชา ธรรมาสารา
ทั้งเก้ามหันต์
กตัญชลี ทิวาราตรี เนืองนิตย์นิรันดร์
อสีติเติม อัญญาโกณฑัญญ์ นับเนื่องคุมวัน
ชิโนรสา
ขอกราบนอบนบ อาจิณคำรบ รัตตินทิวา
ในคุณปิตุมาตุ์ ย่ายายปู่ตา ป้าน้าเชษฐา
บรรดามีคุณ
อุปัชฌาย์จารย์ สอนเรียนเขียนอ่าน คุณใครใดปูน
ให้บวชบรรพชา ลีลาธิคุณ ขอนบกล่าวสุน
ทรพากย์วัจนา
เดชะสัจจัง จิตข้าต่อตั้ง กตัญญูตา
ไหว้นบครบสิ้น ด้วยเบญจางคา คุ้มภัยอนา
คตกาลประจุบัน
ภุมมาอารักษ์ เรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ ย่านน้ำหิมวันต์
จันทราอาทิตย์ อากาศเบื้องบรรพ์ ฉกามาสวรรค์
โสฬศพรหมา
ยอไหว้ขอพร แต่เทพอำมร อันเรืองฤทธา
ช่วยกันภัยพิษ ร้ายฤทธิ์อาพาธ์ วัณโรคทุกขา
เว้นอย่าพะพาน
,ด้วยตูขาจิต จำนงจงคิด ในชาดกกาล
ปางพระสรรเพชญ์ สร้างบารมีญาณ เนินนานข้ามกาล
บ่ได้เห็นองค์
สุทธิกรรมชาดก ข้าขอยอยก พระบาลีคง
เปลื้องเรื่องกล่าวกลอน สยามพากย์ลง ตามผู้ประสงค์
ชนาราตรี”

๓. สุบิน แต่งเป็นกาพย์ ใช้เป็นหนังสือสวด พระครูพิศาลธรรมรังสี วัดคูหาสวรรค์ ค้นคว้าศึกษาหาชื่อผู้แต่งไม่ได้ เฉพาะต้นฉบับที่ค้นพบในพัทลุง แต่ในสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ สถาบันทักษิณคดีศึกษา พ.ศ. ๒๕๒๙ เล่ม ๙ หน้า ๓๘๓๕ อุดม หนูทอง เป็นผู้เขียน บอกไว้ว่า กวีผู้แต่งเรื่องสุบิน คือพระครูวินัยธร วัดชายนา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าแต่งเมื่อใด อ่านดูแล้วเนื้อหาตรงกัน แต่คำกาพย์ที่เขียนยกเป็นตัวอย่างไว้ไม่ตรงกันเลย ฉบับที่มีอยู่ในพัทลุงคงเป็นผู้เขียนอีกคนหนึ่งก็เป็นได้ บทไหว้ครูเรื่องสุบินตามต้นฉบับของพัทลุงมีดังนี้

“ขอถวายบังคม ยกประนมขึ้นเหนือเศียร
สิบนิ้วข้าคือเทียน บริสุทธิชูชา
พระพุทธกงจักร มีลายลักษณ์ทั้งซ้ายขวา
ประเสริฐล้ำโลกา ยิ่งกว่าเขียนด้วยน้ำทอง
สมเด็จพระชินสีห์ สร้างบารมีมาก่ายกอง
หวังโปรดสัตว์ทั้งผอง เพื่อให้พ้นจากโทษภัย
ไหว้พระปิฎกธรรม์ อันเลิศล้ำพ้นอุปมัย
พระสูตรพระวินัย พระปรมัตถ์ยิ่งเหลือตรา
ถ้วนแปดหมื่นสี่พัน พระธรรมขันธ์เทศนา
โปรดสัตว์ทั่วโลกา แจ้งบาปบุญทุกประการ
ไหว้พระอริยสงฆ์ อันท่านทรงศีลาจาร
จำเริญพระกรรมฐาน แผ่ไมตรีทุกเวลา
คือดังประทีปทอง ตามส่งส่องพระศาสนา
ให้สว่างทั่วโลกา หมู่มนุษย์อันมืดมน
ไหว้แก้วทั้งสามดวง อันใหญ่หลวงยอดมงคล
ขอสวัสดิ์สัตถาผล มีแก่ข้าทุกเพรางาย
ขอแคล้วความทุกข์โศก อุบัติโรคจงเหือดหาย
จักแถลงเรื่องนิยาย ตามสติปัญญามี”

๔. สุวรรณหงส์ แต่งเป็นกาพย์ ประพันธ์โดยหลวงพุทธราชศักดา ชาวบ้านเรียกกันว่าท่านจอมพุทธ เป็นชาวบ้านลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง แต่งประมาณต้นสมัยสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บทไหว้ครูมีสำนวนใกล้เคียงกับบทไหว้ครูเรื่องสุบิน มีดังนี้

“หัตถังเกล้าผม ถวายบังคมไตรรัตนา
นบบาทพระศาสดา งามรจนาทั้งคู่เคียง
กงจักรลายลักษณ์ใหญ่ รูปสัตว์ในเต็มรายเรียง
ร้อยแปดประการเที่ยง ข้าโอเอียงเศียรบูชา
นบธรรมคำรบอรรถ โดยพระตรัสเทศนา
ตั้งต้นพระโสดา อรหัตถาปริโยสาน
มรรคสี่แลผลสี่ จัดคู่มีสี่ประการ
หนึ่งเล่าพระนิพพาน ครบเป็นเก้าเค้ามรรคผล
ปริยัติปิฎกโสตร ไหลจากโอษฐ์พระทศพล
โสฬสเป็นประถม เทพทุกกรมภูมิเทวัน
จงช่วยอวยวรา แก่ข้าผู้แต่งฉันท์
นิยายให้พ้องกัน จะนิพันธ์ประโยคกลอน
เป็นกาพย์วิลาสินี ตามคัมภีร์อุทาหรณ์
ยากนักจักตัดทอน ให้ถูกกลอนถูกลักษณา
มุตโตกล่าวโวหาร ยังอ่อนการนักท่านอา
ผู้ใดไวปรีชา ชำนาญกว่าช่วยข้าแสดง
ซ่อมใส่ให้ไพเราะ ถูกจำเพาะข้อระแวง
นิทานท่านตกแต่ง แต่ก่อนไว้มากหลายฉบับ
เรื่องราวพระสุวรรณหงส์ ว่าเสด็จทรงสายว่าววับ
ครั้นต้องหอกยนต์กลับ มาประทับแท่นทองตาย
เนื้อความยังกินแหนง มิหายแคลงคำบรรยาย
ผู้ฟังยังงมงาย บ่มิหายความกังขา
นึกรักจักใคร่เปลี่ยน กลัวติเตียนคนนินทา
ว่าเอาคำเก่ามา คิดตกแต่งความแย้งกัน
เขียนไว้ให้เด็กหนุ่ม จิตชื่นชุ่มรักผูกพัน
จักใคร่ฟังคำฉันท์ อันพฤชมแจ้งอาการ”

๕. จันทคาดกุมาร แต่งเป็นกาพย์ มีผู้แต่ง ๒ ท่าน คือสมีปานกับสมีมาก สืบหาหลักฐานไม่ได้ว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด น่าจะแต่งไล่เลี่ยกับเรื่องสุทธิกรรมกุมาร บทไหว้ครูมีดังนี้

“ข้าไหว้พระเจ้า อันเป็นหิ่นเกล้า โปรดฝูงชนา
ข้าไหว้พระธรรม เลิศล้ำโลกา พระเจ้าเทศนา
โปรดประชาชน
ข้าไหว้พระสงฆ์ ตั้งใจจำนง ปรารถนามรรคผล
จงแคล้วปวงมาร สร้างการกุศล โปรดแก่ฝูงชน
ดังน้ำใจปอง
ข้าไหว้ทั้งสาม ปัญญาอันงาม ต่างธูปเทียนทอง
จักษุคือแก้ว พราวแพรวเรืองรอง ต่างประทีปทอง
ดังแสงสุริยา
เกศเกล้าเกศี ต่างบุษมาลี คลายคลี่เบิกบาน
ข้าขอบูชา พระศาสดาจารย์ ข้าถวายนมัสการ
สมเด็จพระทศพล
จักกล่าวนิทาน ล่วงมาช้านาน พันที่พรรณนา
ยังมีกษัตริย์ จักรพรรดิตรา ครองพระพารา
จำจากพระนคร”

๖. นางเลือดขาว แต่งเป็นกาพย์ยานีตลอดเรื่อง แต่งเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ผู้แต่งคือ ท่านหมื่นจบเจริญการ ชาวบ้านจงเก ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง บทไหว้ครู มีดังนี้

“นโมนบเคารพคุณ ยกเอาบุญใส่เกศา
ไหว้คุณบิดรมารดา อีกครูบาคุณอาจารย์
เคารพคุณท่านแล้ว ยกคุณแก้วสามประการ
อนึ่งคุณศีลทาน คุณพระโสตรพระวินัย
อีกคุณพระโพสพ รักษาจบทั่วภพไตร
คุณดินน้ำลมไฟ พระอาทิตย์พระจันทรา
น้อมเอาคุณทั้งเหม็ด พร้อมกันเสร็จใส่เกศา
ขอเชิญท้าวเทวา สถิตเนาภูเขาเขิน
ห้วยหนองคลองบึงบาง ถ้ำลำทางแนวคลองเติ้น
ภูชงค์ที่ใต้เพิ้น ธรณีเมขลา
ชั้นบนขอเคารพ ตลอดจบถึงพรหมา
ชั้นกลางภูปสุธา หลักเมืองเพิ้นปฐพี
ขอเชิญท่านทั้งหมด ช่วยมาจดข้อวารี
เรื่องราวนานนักมี ตำนานเก่าเพลาสลาย
ช่วยมาจดบทกลอน มีข้อขอนเกินจำหน่าย
ถ้าผิดจากนิยาย จะมีโทษติดตัวตน
ขอช่วยมาจดแก้ ชี้แนวแนะข้อนิพนธ์
ทำไว้ในสากล หวังเอาผลกุศลทาน”

กวีในปัจจุบันของภาคใต้ นิยมการแต่งกลอนสุภาพกันเป็นพื้น อาจเป็นเพราะเรื่องพระอภัยมณี แพร่หลายมาสู่ภาคใต้ มีคนนิยมชมชอบกันมาก รวมถึงอิทธิพลของกลอนหนังตะลุงอีกแรงหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตามถ้ามีผู้แต่งกลอนสุภาพเป็นเรื่องยาว ยังคงมีบทไหว้ครูอยู่เหมือนเดิม ใครแต่งได้ดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาและความรักศิลปะของแต่ละคน น่าภูมิใจที่กวีรุ่นใหม่ยังคงสืบสานยึดแนวของเก่าไว้ได้

ชื่อคำ : บทไหว้ครู : ในวรรณกรรมท้องถิ่น
หมวดหมู่หลัก : ภาษา และวรรณกรรม
หมวดหมู่ย่อย : การประพันธ์
ชื่อผู้แต่ง : พ่วง บุษรารัตน์
เล่มที่ : ๘
หน้าที่ : ๓๙๓๘