วงศ์ ไชยสุวรรณ์

      นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ เป็นนักพัฒนาและนักปกครองคนสำคัญของจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ริเริ่มสร้างเมืองสุไหงโก-ลก อันเป็นที่ตั้งอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จนกระทั่งกลายเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจเมืองหนึ่งของภาคใต้

      นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๐ ที่บ้านคล้า อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๑ เป็นบุตรของขุนไชยภักดี (คงทอง) และนางทองนวล ไชยสุวรรณ์ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ ๕ จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี สมรสกับนางสาวเลี่ยน เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ และมีภรรยาอื่นอีก ๓ คน มีบุตรทั้งสิ้น ๕ คน เป็นชาย ๑ คน หญิง ๔ คน นายวงศ์เคยเป็นครูโรงเรียนวัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี เป็นเสมียนชั้น ๑ (กระทรวงมหาดไทย) อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นกำนันตำบลปูโยะ ตำบลปาเสมัส ตำบลสุไหงโก-ลก (ขณะนั้นสังกัดอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส) เป็นผู้แทนตำบลปูโยะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็นสมาชิกสภาจังหวัดนราธิวาส ๕ สมัย (๒๐ ปี) เป็นประธานสภาจังหวัดนราธิวาส ๒๓ สมัย เป็นนายกเทศมนตรีสุไหงโก-ลก ๕ สมัย เป็นประธานสภาเทศบาลสุไหงโก-ลก ๑๑ สมัย และเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส ๑ สมัย

      นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ ได้เริ่มสร้างเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ จากสภาพซึ่งเป็นป่าดงดิบ มีต้นไม้ขนาด ๒-๓ คนโอบ ประชาชนทั่วไปเรียกชื่อป่าแห่งนี้ว่า “ป่าจันตุหลี” โดยที่นายวงศ์ได้นำโครงการและแผนผัง ซึ่งคิดจะสร้างเมืองนี้ไปหารือพระศรีสุทัศน์ ข้าหลวงประจำจังหวัดนราธิวาสในสมัยนั้นตลอดทั้งได้ปรึกษากับเพื่อน ๆ แต่ก็ไม่มีใครเห็นด้วยจึงเกิดความท้อใจ แต่ในที่สุดมีเจ้าของที่ดินในบริเวณนั้นจำนวน ๕ คน ที่เห็นด้วยคือ นายกั่น สามนกกฤษณ นายเจ๊ะหมัด สาเระ นายเจ๊ะอุเซ็ง นายหวันยายอ และนายอาแว บือชา ได้รวบรวมเงินก้อนหนึ่งจำนวน ๕๐๐ บาท ซึ่งในสมัยนั้นมีค่ามากมอบให้นายวงศ์ พร้อมทั้งมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน ๑,๒๒๕ ไร่ ให้จัดการถางป่าและปราบพื้นที่ นายวงศ์ จึงลงมือตัดถนนในบริเวณนั้นตามแผนผังรวม ๓๑ สาย เรียงตามลำดับคือ ๑. ถนนเจริญเขต ๒.ถนนเทศปฐม ๓. ถนนสฤษดิ์วงศ์ ๔. ถนนมรรคา ๕. ถนนวรคามินทร์ ๖. ถนนไชยสุวรรณ์ดำรงค์ ๗.ถนนวงศ์วิถี ๘. ถนนประชาสำราญ ๙. ถนนประชาลีลาศ ๑๐. ถนนชลธารเขต ๑๑.ถนนประเวศน์ชลธี ๑๒.ถนนวิถีอุทก ๑๓. ถนนประชาวิวัฒน์ ๑๔. ถนนบุษยภันธ์ ๑๕. ถนนปฏิมา ๑๖. ถนนอารีฟมรรคา ๑๗. ถนนวามันอำนวย ๑๘ . ถนนวงศ์วิวัฒน์ ๑๙ . ถนนวงศ์ประดิษฐ์ ๒๐. ถนนหลังสถานีรถไฟไปยังสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก (ถนนรถไฟ) ๒๑. ถนนรางรถไฟ-ตำบลปาเสมัส ๒๒. ถนนหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก ๒๓. ถนนสถานีรถไฟ-วัดชลเฉลิมเขต ๒๔. ถนนวัดชลเฉลิมเขต-ตำบลปาเสมัส ๒๕. ถนนรางรถไฟ-บ้านกาดาบารู ๒๖. ถนนหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอสุไหงโก-ลก ๒๗. ถนนเจ้าแม่ม้าโพ่ และอีก ๔ สายเป็นถนนสายสั้นๆอยู่ในบริเวณสุไหงโก-ลก ซึ่งการสร้างถนนทั้งหมดนี้ ได้จ้างเหมาทำเป็นสาย ๆ ราคาค่าจ้างเหมาตั้งแต่ ๖-๑๒ บาท หลังจากนั้นได้ลงทุนสร้างตลาดสด ๑ แห่ง ในศูนย์กลางเนื้อที่ดินแห่งนี้ด้วยเงินส่วนตัวแล้วไปแนะนำการปลูกพืชผลต่าง ๆ แก่คนในหมู่บ้านรวม ๑๒ หมู่บ้าน แล้วชักชวนให้นำผลผลิตมาขายในตลาดสดแห่งนี้พร้อมทั้งชักชวนให้เจ้าของที่ดินบริเวณนั้นได้ปลูกสร้างห้องแถวขึ้นคนละ ๒-๓ คูหา แล้วแบ่งขายที่ดินให้ผู้อื่นบ้างในราคาย่อมเยา เพื่อเป็นการชักจูงให้คนอื่นมาอยู่กันเป็นหลักแหล่งโดยราคาที่ดินในสมัยนั้นแปลงละ (ขนาด ๕ x ๓๐ เมตร) ประมาณ ๒๐-๓๐ บาท โดยผ่อนส่งเดือนละ ๕๐ สตางค์บ้าง ๑ บาท บ้าง แต่มีข้อสัญญาว่าถ้าผู้ใดซื้อที่ดินแล้วในกำหนด ๑ เดือน ถ้าไม่ทำการปลูกสร้างห้องแถวขึ้นเจ้าของที่ดินเดิมจะต้องริบที่ดินกลับคืนเพื่อขายให้กับคนอื่นต่อไปจึงมีผู้มาซื้อที่ดินและปลูกสร้างห้องแถวขึ้นมากเป็นลำดับ

      ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ ได้คิดที่จะตัดถนนจากสถานที่แห่งนี้ไปยังท้องที่อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงปาดี อำเภอแว้ง จะสร้างวัด ๑ วัด สร้างโรงเรียนประชาบาล ๑ โรง และขุดคลองแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะถูกผู้มีอำนาจกีดกันเอาไว้ ด้วยเกรงว่านายวงศ์จะมีอิทธิพลมากเกินไป จึงเพียงแต่อนุญาตให้สร้างโรงเรียนชั่วคราวขึ้น ๑ หลัง ด้วยทุนส่วนตัว แล้วขอครูมาช่วยสอน ๒ คน จึงทำให้มีโรงเรียนเกิดขึ้นเป็นแห่งแรกในท้องที่แห่งนี้ คือโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลกในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ นายวงศ์ได้ชักชวนราษฎรและบอกบุญไปยังผู้มีจิตศรัทธารวบรวมเงินสร้างกุฏิขึ้น ๕ หลัง ธรรมศาลา ๑ หลัง โรงครัว ๑ หลัง และบ่อน้ำ ๑ บ่อ แล้วนิมนต์พระสงฆ์จากรัฐกลันตันประเทศสหพันธรัฐ มาเลเซียจำนวน ๑๑ รูปมาจำพรรษาเป็นครั้งแรกและให้ชื่อวัดนี้ว่า “วัดชลเฉลิมเขต” ซึ่งเจริญสืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน

      ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๖ หลังจากประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์จึงได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้แทนตำบลปูโยะ และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับราษฎรคือ (๑) ขอร้องให้กรมรถไฟจัดเดินรถไฟจากสถานียะลาไปยังสถานีสุไหงโก-ลก เพิ่มขึ้น ๑ ขบวน เรียกว่า “ขบวนกลางวัน” กรมรถไฟได้จัดการเดินรถไฟขบวนนี้ตามที่นายวงศ์ขอ ประชาชนจึงได้รับความสะดวกเพิ่มขึ้น (๒) ขอร้องต่อกรมไปรษณีย์โทรเลขให้จัดบุรุษไปรษณีย์ส่งหนังสือและโทรเลขในบริเวณตลาดสุไหงโก-ลก (เพราตั้งแต่เดิมไม่มี) กรมไปรษณีย์โทรเลขจึงได้จัดให้ตามที่ขอ (๓) ยื่นคำร้องต่อกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เจรจาขอที่ดินของกรมรถไฟมีขนาด กว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๒๐๐ เมตร เพื่อปลูกสร้างโรงเรียนถาวรขึ้นที่สุไหงโก-ลก กรมรถไฟก็อนุญาตให้ตามที่ขอ และกระทรวงศึกษาธิการจัดสรรเงิน ๑,๐๐๐ บาท มาสมทบในการปลูกสร้างโรงเรียน และนายวงศ์ได้จัดการเรี่ยไรเงินได้จำนวน ๑,๗๐๐ บาท ได้ทำการปลูกสร้างเสร็จเรียบร้อย ใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตรกุลธิดามาจนปัจจุบัน นับว่าเป็นประวัติการณ์อันสำคัญที่บุคคลขอที่ดินของการรถไฟมาเป็นกรรมสิทธิ์เด็ดขาดอย่างนี้ (๔) ได้วางโครงการจัดสร้างถนนจากสุไหงโก-ลก ไปยังอำเภอตากใบ ๑ สาย ไปยังอำเภอแว้ง ๑ สาย และไปยังอำเภอสุไหงปาดี ๑ สาย แล้วได้ลงมือสร้างถนนดังกล่าว โดยสร้างสายไปอำเภอตากใบได้ ๑๖ กิโลเมตร สายไปอำเภอแว้งและสุไหงปาดีสายละ ๖ กิโลเมตร (๕) ยื่นคำร้องต่อกระทรวงมหาดไทยเพื่อขออนุญาตตั้งบ่อนชนโคชนกระบือขึ้นในตำบลปูโยะในปี พ.ศ.๒๔๗๗ ก็ได้รับอนุญาต (๖) ในปี พ.ศ.๒๔๗๗ ได้ขอร้องต่อ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี (ในสมัยนั้น) เชิญเอารัฐธรรมนูญฉบับจำลองมาทำการฉลองที่สุไหงโก-ลก นายกรัฐมนตรีก็อนุญาตตามที่นายวงศ์ขอจึงได้จัดให้มีงานฉลอง ๑๐ วัน ในงานฉลองรัฐธรรมนูญครั้งนั้นรัฐบาลได้อนุญาตให้เปิดการพนันประเภท ๒ มีการชนโค ชนกระบือ ชนไก่ ตกเบ็ด โยนห่วง บิงโก ยิงเป้า ไพ่เผ ไพ่ตอง มีการชกมวยไทยและสิละ มีประกวดการออกร้าน ประกวดพืชผล ปศุสัตว์ ขบวนแห่ในงานนี้มีข้าราชการหัวหน้ากรมกองต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครพากันมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมโฆษณาการเป็นประธานในงาน พระพิชิตบัญชาการ ข้าหลวงประจำจังหวัดนราธิวาส พระยาภูผาภักดีศรีสุวรรณประเทศวิเศษวังษา พระยาเมือง เป็นกรรมการ นอกนั้นมีผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ทำให้งานทั้ง ๑๐ วันดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย

      ครั้นต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๓ บริเวณ “ป่าจันตุหลี” ที่นายวงศ์แผ้วถางเพื่อแปลงป่าเป็นเมืองนั้น ได้เกิดเป็นอาคารบ้านเรือนมีประชาชนพากันมาอยู่หนาแน่น จนปรากฏว่ามีราษฎรเข้ามาอยู่ใหม่เป็นจำนวน ๑๒,๓๐๐ คน ในกลางปีนั้นเองรัฐบาลได้แยกตำบลปูโยะออกเป็น ๒ ตำบล โดยเอาอาณาเขตกว้างยาวของ “ป่าจันตุหลี” ทั้งหมดนี้เป็นเขตตำบลหนึ่งเรียกว่าตำบลสุไหงโก-ลก ส่วนเนื้อที่นอกเขตบริเวณนี้คงเป็นตำบลปูโยะอยู่ตามเดิม นายวงศ์จึงได้เป็นกำนันตำบลสุไหงโก-ลก ส่วนตำบลปูโยะได้จัดตั้งคนใหม่ขึ้นแทน

      ในปีเดียวกันนี้ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้มาตรวจราชการที่ตำบลสุไหงโก-ลก นายวงศ์ได้ร้องขอให้เปิดเทศบาลตำบลสุไหงโก-ลก จอมพลแปลก พิบูลสงครามเห็นพ้องด้วย จึงสั่งให้ทำการเปิดเทศบาลขึ้นในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๓ นับว่าเป็นประวัติการณ์ที่แปลกที่ขอตั้งเทศบาลได้โดยวาจา รัฐบาลได้แต่งตั้งสมาชิกสภาเทศบาลผู้เริ่มเตรียมการครั้งแรก ซึ่งอายุสมาชิกภาพมีกำหนดเพียง ๒ ปี และนายวงศ์ได้รับเลือกเป็นนายยกเทศมนตรีเป็นคนแรก

      ครั้นในวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๙ นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส จึงได้ลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี และในขณะที่ได้รับเลือกเข้าเป็นผู้แทนราษฎรนั้น นายวงศ์ได้เสนอให้รัฐบาลยกฐานะตำบลสุไหงโก-ลกขึ้นเป็นอำเภอ เพราะตำบลนี้ตั้งอยู่ที่ชายแดน ติดต่อกับต่างประเทศและมีเทศบาลตั้งอยู่แล้ว รัฐบาลสมัยนั้นเห็นพ้องตามที่นายวงศ์เสนอ จึงตั้งเป็นกิ่งอำเภอขึ้นก่อนแล้วต่อมาได้ยกฐานะเป็นอำเภอดังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ ยังได้ช่วยพัฒนาเมืองสุไหงโก-ลก ต่อมาอีกมากมาย (นเรศ ศรีรัตน์

 ดูเพิ่มเติมสุไหงโก-ลก, อำเภอ

ชื่อคำ : วงศ์ ไชยสุวรรณ์
หมวดหมู่หลัก : โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และการเมืองการปกครอง
หมวดหมู่ย่อย : ประวัติบุคคล
ชื่อผู้แต่ง : นเรศ ศรีรัตน์
เล่มที่ : ๑๔
หน้าที่ : ๗๙๓๔