ตานีนรสโมสร, วัด

ตานีนรสโมสร, วัด


 วัดตานีนรสโมสร ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙๙ ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งแต่วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ มีเนื้อที่ซึ่งเป็นที่ตั้งวัด ๗ ไร่ ๑ งาน ๓๘ ตารางวา และมีที่ธรณีสงฆ์ ๑ แปลง ตั้งอยู่ที่ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี มีเนื้อที่ ๑ ไร่ ๑ งาน ๕๓ ตารางวา พื้นที่ของวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปสู่แม่น้ำปัตตานี เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นทางราชการตัดถนนผ่านเนื้อที่ของวัด ทำให้วัดแยกออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนริมแม่น้ำซึ่งวัดจัดทำเป็นที่ธรณีสงฆ์ (ปลูกห้องแถวให้เช่า) และส่วนบริเวณวัดในปัจจุบัน

ประวัติและนามของวัด

วัดนี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นมาแต่เมื่อใด ใครเป็นผู้สร้าง ตามคำผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่ากันสืบ ๆ มาว่า สร้างราวปี พ.ศ.๒๓๙๐ ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งเมื่อตนกูประสาเป็นพระยาเมืองปัตตานี มีเหตุที่จะต้องย้ายเมืองปัตตานี (เดิมตั้งอยู่ที่บ้านกรือเซะ ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันไปทางอำเภอยะหริ่ง ๗-๘ กิโลเมตร) เพราะน้ำตื้นเขินไม่สะดวกแก่การคมนาคมขนส่ง ตนกูประสาพระยาเมืองปัตตานีจึงได้ย้ายที่ว่าการมาตั้งอยู่ที่หมู่บ้านจะบังติกอ พ่อค้าไทยจีนก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านอาเนาะรู ริมแม่น้ำปัตตานี ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกแก่การขนส่งสินค้าและการไปมาทางแม่น้ำ ขณะที่เมืองตั้งอยู่ที่กรือเซะ มีวัดกะดีเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสำหรับทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ข้าราชการต้องเดินทางไปประกอบพิธีไกล ไม่สะดวกแก่คนจำนวนมาก จึงได้ปรึกษากันเพื่อจะย้ายวัดกะดีเข้ามาอยู่ในกลางเมืองเมื่อปรึกษากันได้จึงพร้อมกันยกที่ดินริมแม่น้ำปัตตานี เรียกว่าบางน้ำจืด ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างบ้านจะบังติกอ เรียกว่าตลาดแขก เพราะชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่ได้ทำมาค้าขายกับบ้านอาเนาะรู เรียกว่าตลาดจีน เพราะคนไทยและคนจีนอาศัยอยู่ได้ทำมาค้าขาย ให้เป็นที่ตั้งวัด เมื่อสร้างเป็นวัดชั่วคราวเพื่อเป็นสถานที่ทำพิธีทางราชการและเป็นที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์แล้ว จึงอาราธนาเจ้าอาวาสวัดกะดีมาจำพรรษา วัดนี้ชาวบ้านเรียกตามสถานที่ที่มาตั้งว่า “วัดบางน้ำจืด”

ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๓๑ พระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหัวเมืองตามชายฝั่งทะเลตะวันตกซึ่งเป็นพระราชอาณาเขต เพื่อจะได้ทรงทราบถึงลักษณะภูมิประเทศ เหตุการณ์บ้านเมือง และความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษฎร์ด้วยพระเนตร พระกรรณ ได้เสด็จพระราชดำเนินจนถึงเมืองตรังกานูเป็นที่สุดพรมแดน ขาเสด็จกลับได้เสด็จขึ้นประพาสเมืองปัตตานี เมื่อเสด็จมาถึงวัดบางน้ำจืด ทรงทอดพระเนตรเห็นศาลาการเปรียญชำรุดทรุดโทรม และได้ทรงทราบว่าศาลาหลังนี้เป็นที่ประชุมของข้าราชการและผู้ประกอบอาชีพอื่น ๆ จึงทรงพระราชศรัทธาบริจาคพระราชทรัพย์ให้หลวงจีนคณานุรักษ์ (จูหลาย) ผู้เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาพวกจีนในเมืองปัตตานี จัดการจ้างช่างสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่เพื่อเป็นส่วนพระราชกุศลในพระพุทธศาสนาสำหรับพระองค์ และเพื่อเป็นประโยชน์แก่ข้าราชการกรมการเมือง เพื่อจะได้กระทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในพระอารามนี้

ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๓๒ ได้เสด็จประพาสแหลมมลายูอีก และได้ทรงทราบว่าศาลาการเปรียญที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างที่วัดบางน้ำจืดจวนจะสำเร็จแล้ว ทรงเห็นเป็นโอกาสที่จะฉลองได้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทำการฉลอง และพระราชทานนามวัดว่า “วัดตานีนรสโมสร”

ปูชนียวัตถุและถาวรวัตถุ

วัดตานีนรสโมสร มีปูชนียวัตถุและถาวรวัตถุที่สำคัญ ดังนี้

พระอุโบสถ เป็นแบบทรงไทย

 รูปหล่อพระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตฺตโม วัดราชาธิวาส) อดีตเจ้าคณะมณฑลปัตตานี ประดิษฐานอยู่ภายนอกพระอุโบสถ

พระพุทธสิหิงค์จำลอง เป็นของเก่า ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำเร็จขึ้นด้วยแรงอธิษฐานของพระอรหันต์ แรงอธิษฐานของกษัตริย์ผู้สร้าง และแรงอานุภาพของพระพุทธศาสนา

 พระสัมพุทธยุคล เป็นพระประธานในพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระหล่อนั่งปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย

พระพุทธรูปปางประทานพร มีลักษณะเป็นพระหล่อยืนสมัยอมราวดี มีขนาดเท่าคนยกพระหัตถ์สองข้าง

พระพุทธรูปปางห้ามญาติ เป็นพระพุทธรูปยืนยกพระหัตถ์ข้างเดียว สมัยลพบุรี

 พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย ตั้งอยู่บนอาสน์สงฆ์ในพระอุโบสถ

ธรรมาสน์ เป็นธรรมาสน์ขุดสลักเป็นลวดลายปิดทองล่องชาด สำหรับใช้นั่งแสดงธรรมในวันธรรมสวนะ

 พระรูปปั้นทองแดง เป็นพระบรมรูปปั้นทองแดงฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๘ ติดไว้ที่ผนังพระอุโบสถด้านตะวันตก

 ศาลาการเปรียญ พระเทพญาณโมลีสร้างด้วยทุนทรัพย์ของวัด สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กฉาบปูน หน้าบันมีตราพระเกี้ยวล้อมรอบเช่นเดียวกับพระอุโบสถ

หอระฆังและกุฏิสงฆ์ พระเทพญาณโมลีร่วมกับขุนดำรงพันธ์ภักดี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘

การบูรณปฏิสังขรณ์

 ตัวพระอุโบสถเดิมพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างไว้ แต่ต่อมาชำรุดทรุดโทรมมาก พระเทพญาณโมลีและหลวงรัตนมนตรีชักชวนพุทธบริษัทให้มาสมทบทุน และต่อมาได้รับเงินอุดหนุนบูรณะวัด สามารถสร้างพระอุโบสถเพิ่มเติมจนสำเร็จ (อัญชลี 

ชื่อคำ : ตานีนรสโมสร, วัด
ชื่อผู้แต่ง : อัญชลี กล่ำเพชร
เล่มที่ : ๖
หน้าที่ : ๒๙๗๗