แป๊ะกิ้ม

      แป๊ะกิ้ม (นายอี่กิ้ม แซ่หงอ) ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ผู้บุกเบิกการขายหนังสือพิมพ์เร่คนแรกของภูเก็ตที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วว่าเป็นยอดนักขาย เป็นผู้อุทิศเวลาให้งานกุศลสาธารณชนอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นพิธีกรงานศพ งานแต่งงาน งานโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ จนเป็นที่รักใคร่และรู้จักกันทั่วทั้งภูเก็ตไม่แพ้เศรษฐีที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้นก็ยังเป็นผู้บุกเบิกเป็นไกด์นำเที่ยวในสมัยที่ภูเก็ตยังไม่เป็นที่รู้จักว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว

      แป๊ะกิ้มเป็นคนฮกจิ้ว เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖ ที่ตำบลตั้งฮั้ว มณฑลฮกเกี้ยน บิดาชื่อนายอี่จั๊บ แซ่หงอ มารดาชื่อนางถ่งหม่อย แซ่หงอ มีพี่น้องสองคน แป๊ะกิ้มเป็นคนโต ครอบครัวได้อพยพมาจากเมืองจีนตั้งแต่แป๊ะกิ้มอายุได้ ๒ ขวบ โดยเดินทางผ่านปีนังเข้าสู่ภูเก็ต แล้วเข้าอยู่อาศัยที่บ้านกระทู้ อำเภอกระทู้ ซึ่งมีชาวจีนอพยพเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ก่อนหน้านั้นแล้วเป็นจำนวนมาก บิดาของแป๊ะกิ้มเป็นแพทย์แผนโบราณรับรักษาคนจีนที่ทำเหมืองในบริเวณบ้านกระทู้ แป๊ะกิ้มได้ฝึกเรียนภาษาจีนในเหมืองจนสามารถอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดีแต่ไม่เคยเรียนหนังสือไทยเลย เมื่อโตขึ้นก็หัดตัดผมแบบคนจีนคือการโกนหัวแล้วเว้นหางเปียไว้จนยาว แป๊ะกิ้มได้รับจ้างตัดผมให้กับคนจีนในเหมืองกระทู้อยู่หลายปี

      เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ก็คิดที่จะเข้าไปทำมาหากินในตัวเมืองภูเก็ต โดยได้มาเช่าบ้านร่วมกับเพื่อน ๆอยู่ที่ย่านถนนเยาวราช (ใกล้สี่แยกที่ถนนถลางและถนนกระบี่ตัดผ่าน) เปิดเป็นร้านตัดผมแต่เปิดได้ไม่นานเพราะรัฐบาลในสมัยนั้นซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสงวนอาชีพบางอาชีพไว้ให้คนไทยทำ คนต่างชาติที่เรียกว่าคนต่างด้าวห้ามประกอบอาชีพที่สงวนไว้ซึ่งรวมถึงอาชีพช่างทำผมด้วย

      เมื่อยกเลิกกิจการร้านตัดผมก็เปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้าขายของสดในตลาดภูเก็ต และเปิดร้านขายของชำสารพัดขึ้นที่บริเวณใกล้ประตูทางเข้าวัดขจรรังสรรค์ ถนนระนอง เรียกกันตามศัพท์ภาษาถิ่นภูเก็ตว่า “ร้านจับโห่ย” ปรากฏว่ากิจการดำเนินไปด้วยดีแต่ก็ประสบกับอุปสรรคอีกเมื่อเจ้าของบ้านเช่ายกเลิกสัญญาเช่า เนื่องจากต้องการบ้านไปดำเนินงานอื่น จึงได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่ตรงข้ามกับโรงภาพยนตร์ภูเก็ตภาพยนตร์ (ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์พิทักษ์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาภูเก็ต เอ)

      การย้ายที่อยู่ใหม่ครั้งนี้แป๊ะกิ้มก็ได้เปลี่ยนอาชีพจากการขายของชำไปเป็นการขายลอตเตอรี่ โดยใช้วิธีการเดินเร่ขายไปตามถนนต่าง ๆ ในตัวเมืองภูเก็ต ภายในบ้านก็ให้เขาเช่าทำเป็นร้านตัดผมอีกมุมหนึ่งเป็นช่างเย็บเสื้อผ้า ทางซ้ายมือของร้านเป็นช่างซ่อมนาฬิกา และที่หน้าร้านขายหนังสือพิมพ์ ร้านของแป๊ะกิ้มจึงแปลกไปกว่าร้านอื่นๆ ที่มีอาชีพต่างๆ อยู่ถึง ๔ อาชีพ

      แป๊ะกิ้มยึดอาชีพขายลอตเตอรี่อยู่ได้ ๕-๖ ปี คุณพนม ณ นคร ได้เปิดโรงพิมพ์ออกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับแรกของภูเก็ตขึ้นชื่อ “ปักษ์ใต้” เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ ได้ทาบทามให้แป๊ะกิ้มเอาหนังสือพิมพ์ปักษ์ใต้ ไปลองขายควบคู่กับการขายลอตเตอรี่ ปรากฏว่าขายดีมากเพราะแป๊ะกิ้มมีวิธีการขายที่แปลกใหม่เร้าความสนใจให้กับผู้พบเห็น คือการตะโกนบอกชื่อหนังสือพิมพ์และพาดหัวข่าวที่น่าสนใจทำให้คนที่พบเห็นผ่านไปมากวักมือเรียกซื้อจนทำให้หนังสือพิมพ์ปักษ์ใต้ขายดี แต่เนื่องจากไม่ใช่หนังสือพิมพ์รายวันจึงไม่มีหนังสือพิมพ์ขายทุกวัน ต่อมาได้รับคำแนะนำจากอาจารย์สมวงศ์ ขวัญเมือง อาจารย์โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัยในสมัยนั้นว่าให้ลองเอาหนังสือพิมพ์จากกรุงเทพฯ มาขายดูก็เลยสั่งหนังสือพิมพ์เสียงอ่างทองมาลองขายดูปรากฏว่าขายได้ แป๊ะกิ้มจึงเริ่มขายหนังสือพิมพ์อย่างจริงจัง โดยการเดินขายและปั่นจักรยานเร่ขายไปตามที่ต่าง ๆ

      ชื่อเสียงการเป็นนักขายหนังสือพิมพ์ของแป๊ะกิ้มกระจายไปไกลจนคุณสุรินทร์ มาศดิตถ์ ส.ส.ของจังหวัดนครศรีธรรมราชในสมัยนั้นได้มาหาเพื่อขอให้ช่วยขายหนังสือพิมพ์เสียงราษฎร์ ตอนแรกแป๊ะกิ้มก็ยังลังเล เพราะหนังสือพิมพ์เสียงราษฎร์เป็นเรื่องราวของจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ไม่ใช่เรื่องใกล้ ๆ ตัวเหมือนกับหนังสือพิมพ์ปักษ์ใต้เกรงว่าจะไม่ได้รับความสนใจจากคนภูเก็ต แต่ก็ตัดสินใจลองเสี่ยงดู ผลปรากฏว่าขายดีมากมีคนมารอซื้อถึงบ้านเมื่อหนังสือพิมพ์มาช้า เป็นผลให้หนังสือพิมพ์เสียงราษฎร์ซึ่งออกเป็นรายสัปดาห์ออกเป็นราย ๓ วัน

      เมื่อกิจการหนังสือพิมพ์ดีขึ้น แป๊ะกิ้มก็ได้ขยายกิจการแทนที่จะเร่ขายเพียงอย่างเดียวก็เอาหนังสือต่าง ๆ แขวนที่ร้านตัดผมด้วย นอกจากนั้นยังได้สั่งหนังสือรายสัปดาห์ รายปักษ์ และรายเดือนต่าง ๆ เข้ามาขายด้วย ในการเร่ขายสมัยแรก ๆ นั้นยังต้องใช้ปากตะโกนจนนาน ๆ เข้าสู้ไม่ไหวจึงได้ซื้อโทรโข่งมาช่วยผ่อนแรงผู้คนในตรอกซอยได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น ได้ยินเสียงโทรโข่งที่ไหนก็รู้ทันทีว่าแป๊ะกิ้มมาแล้วหนังสือพิมพ์มาแล้ว และบางครั้งยังมีสินค้าอื่น ๆ ไปจำหน่ายด้วย รวมถึงของจำนำที่คนฝากขายหรือของเก่าแป๊ะกิ้มก็รับขายให้ทุกอย่าง

      ความสามารถพิเศษที่น่าทึ่งของแป๊ะกิ้มอยู่ที่ขายหนังสือพิมพ์ภาษาไทย แต่ตัวเองไม่รู้หนังสือไทยเลย การออกเร่ขายโดยการตะโกนบอกชื่อหนังสือก็ดี ข่าวพาดหัวก็ดี แป๊ะกิ้มรู้โดยอาศัยความจำเอาจากการสอบถามว่าหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ๆ ชื่ออะไร ก็มองดูชื่อหนังสือนั้นแล้วจำเอาไว้ ส่วนหัวข่าวก็ใช้วิธีสอบถามจากลูกชายว่า วันนี้มีข่าวอะไรบ้าง เมื่อลูกชายอ่านให้ฟังแล้วก็จะเขียนไปบนเศษกระดาษด้วยภาษาจีน แต่เมื่ออ่านแล้วมีเสียงตรงกับภาษาไทย จากนั้นก็นำพาดหัวข่าวที่เร้าใจไปตะโกนบอกลูกค้า นับเป็นความอัจฉริยะอย่างหนึ่งของแป๊ะกิ้ม กิจการร้านขายหนังสือของแป๊ะกิ้มดำเนินไปด้วยดีระยะหนึ่งแล้วก็ต้องโยกย้ายสถานที่อีกครั้งเมื่อเจ้าของที่ต้องการที่ไปทำธุรกิจ แป๊ะกิ้มจึงย้ายมาอยู่ที่บ้านเลขที่ ๔๑/๒๓ ถนนมนตรี เยื้องกับโรงแรมเพิร์ลภูเก็ต ณ ที่บ้านแห่งนี้แป๊ะกิ้มไม่ต้องโยกย้ายไปที่ไหนอีกแล้วเพราะเป็นบ้านของตนเองที่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงจากการขายหนังสือพิมพ์ และได้เปิดร้านเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยแป๊ะกิ้มเป็นผู้เปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “ร้านแป๊ะกิ้ม” ตามคำขอของลูกชาย โดยเปิดสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยที่กำลังมีเสียงพรสวดมนต์อวยพระปีใหม่ถือเป็นสิริมงคล ร้านแป๊ะกิ้มจึงมีชื่อขึ้นมาจริง ๆ ไม่ใช่เพียงชื่อเรียกติดปากของคนภูเก็ตแต่ไม่มีชื่อร้านเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา ปัจจุบันคุณพรชัย ง้อสุรเชษฐ์ บุตรชายเป็นผู้ดำเนินงานสืบทอดจากรุ่นลูกมาสู่รุ่นหลาน

      แป๊ะกิ้มนอกจากจะประสบความสำเร็จในชีวิตจากการขายหนังสือพิมพ์แล้ว ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ยังริเริ่มเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวเกาะปันหยี เขาพิงกัน ถ้ำลอด จังหวัดพังงา โดยนำเที่ยวเฉพาะวัน เสาร์-อาทิตย์ ด้วยเรือเดินทะเลที่ดัดแปลงเป็นเรือนำเที่ยว จึงกล่าวได้เต็มปากว่าแป๊ะกิ้มคือผู้บุกเบิกการเป็นไกด์นำเที่ยวอีกตำแหน่งหนึ่ง

      ตลอดชีวิตการทำงานของแป๊ะกิ้ม นอกจากงานของตนเองที่ต้องทำเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว แล้ว แป๊ะกิ้มยังอุทิศเวลาให้กับงานการกุศล และช่วยเหลือสังคมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานแห่เทียนพรรษา ยกช่อฟ้า ผูกพัทธสีมา ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า แป๊ะกิ้มจะช่วยกระจายข่าวไปถึงประชาชนอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็เป็นพิธีกรในงานแต่งงาน งานศพตามแบบจีน แป๊ะกิ้มจะดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามประเพณีอย่างเคร่งครัด เป็นที่ไว้วางใจของคนภูเก็ตโดยทั่ว และบางครั้งก็รับหน้าที่ช่วยโฆษณาสินค้าให้กับห้างร้านต่าง ๆ ที่ลดราคาสินค้า หรือแจกแถมในเทศกาลต่าง ๆ แป๊ะกิ้มจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้ควบคู่ไปกับเดินขายหนังสือ งานสังคมเพื่อส่วนรวมทุกอย่างเมื่อแป๊ะกิ้มทราบข่าวหรือใครมาขอให้ช่วยจะรีบไปทันทีอย่างไม่รีรอและไม่เคยคิดค่าแรงใด ๆ ทั้งสิ้นจนกลายเป็นขวัญใจของประชาชนภูเก็ต ด้วยการอุทิศเวลาช่วยเหลือสังคมจึงได้รับโล่บุคคลดีเด่นด้านช่วยเหลือสังคมจากสโมสรโรตารี่ภูเก็ต เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓

      แป๊ะกิ้มถึงแก่กรรมด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ รวมอายุได้ ๗๙ ปี

      แม้วันนี้ภูเก็ตจะไม่มีแป๊ะกิ้ม ชายชาวจีนร่างผอมบาง นุ่งกางเกงขาสั้นสีกากีหรือสีดำ เสื้อคอกลมสีขาว สวมหมวกสานใบใหญ่ ผูกเชือกไว้ที่คอกันหมวกปลิว มือถือโทรโข่ง มีผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ พาดไว้ที่ลำคอไว้คอยซับเหงื่อเดินไปตามทางเท้าและถนนสายต่าง ๆ ของตัวเมืองภูเก็ต พร้อมกับตะโกนเรียกลูกค้าของตนอีกต่อไป แต่คนภูเก็ตไม่มีวันลืม “แป๊ะกิ้ม” ยอดนักเร่ขายหนังสือพิมพ์คนแรกของเมืองภูเก็ตที่สร้างไว้เป็นตำนานให้เล่าขานสืบไป (นพดล กิตติกุล) 

ชื่อคำ : แป๊ะกิ้ม
หมวดหมู่หลัก : โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และการเมืองการปกครอง
หมวดหมู่ย่อย : ประวัติบุคคล
ชื่อผู้แต่ง : นพดล กิตติกุล
เล่มที่ : ๑๐