มงคล แซ่อุ่ย
มงคล แซ่อุ่ย เป็นนักเขียนชาวภาคใต้ ใช้นามปากกาว่า “มกุฏ อรฤดี” เกิดเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๙๓ ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านเทพา จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ศึกษาชั้นประถมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนแสงทองวิทยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง จากวิทยาลัยครูสงขลา (มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลาปัจจุบัน) อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
มงคล แซ่อุ่ย เริ่มงานเขียนครั้งแรกเมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โดยเขียนบทกลอน และเรื่องสั้นส่งไปลงพิมพ์ในนิตยสารโทรทัศน์ ของสถานีโทรทัศน์ช่อง ๑๐ หาดใหญ่ เมื่อเข้าเรียนในวิทยาลัยครูสงขลาได้ร่วมกับเพื่อน ๆ จัดทำหนังสือพิมพ์ออกจำหน่ายในวิทยาลัย พร้อมกับเขียนเรื่องสั้นส่งไปพิมพ์ในนิตยสารต่าง ๆ ที่ออกในกรุงเทพฯ เป็นประจำ หนังสือที่พิมพ์เรื่องสั้นของ มงคล แซ่อุ่ย ซึ่งช่วงนั้นใช้นามปากกาว่า “นิพพาน” (ประมาณ พ.ศ.๒๕๑๒-๒๕๑๘) ได้แก่ หนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ กรุงเทพฯ วิจารณ์ และหนังสือพิมพ์อธิปัตย์รายสัปดาห์ของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยเป็นต้น
เมื่อจบการศึกษาจากวิทยาลัยครูสงขลาแล้ว มงคล แซ่อุ่ย ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และได้เข้าประจำกองบรรณาธิการหนังสือสารประชาธิปัตย์รายสัปดาห์ ทำอยู่ได้ประมาณปีเศษหนังสือก็ยุบตัวเองเพราะเกิดการรัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๔ ในช่วงที่ว่างงานนี้เขาได้ตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ เกือบทุกภาคของประเทศไทย พร้อมกันนั้นก็เริ่มเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายขนาดสั้นลงพิมพ์ในหนังสือต่าง ๆ พร้อมกันไปด้วย เช่น หนังสือลลนา สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ สตรีสาร เป็นต้น และชื่อเสียงในฐานะนักเขียนหนุ่มฝีมือดีก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงนักอ่านอย่างกว้างขวางในช่วงนี้เอง
ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ กลับเข้าทำงานในกรุงเทพฯ อีกครั้ง โดยเข้าทำงานในนิตยสารลลนา ตำแหน่งผู้ช่วยบรรณาธิการ ปลายปี พ.ศ.๒๕๑๗ เดินทางกลับไปใช้ชีวิตในชนบทแถบบ้านเกิดอีกครั้ง ครั้นถึงปี พ.ศ.๒๕๑๙ จึงกลับเข้ากรุงเทพฯ และเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการหนังสือบีอาร์ รายเดือน ทำได้ประมาณครึ่งปีก็ลาออก แต่ก็ได้กลับเข้าทำงานในหน้าที่บรรณาธิการบริหารของหนังสือเล่มเดียวกันนี้ อีกครั้งในปี พ.ศ.๒๕๒๐ แต่ทำได้ไม่นานก็ลาออก
ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๒๑ มงคล แซ่อุ่ย เริ่มออกวารสารใหม่อีกครั้ง คือหนังสือโวค รายเดือน โดยมีตัวเองเป็นหุ้นส่วนและเจ้าของกิจการ ทำการบริหารด้วยตัวเอง พร้อม ๆ กันนั้นก็ได้ตั้งสำนักพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์หนังสือเล่มหารายได้ช่วยเหลือเด็กชนบทขึ้นด้วยโดยใช้ชื่อว่าสำนักพิมพ์ “ดอกไม้” หนังสือที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของเขาส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาดี ส่งเสริมคุณธรรมและการต่อสู้ เพื่อความเป็นธรรมของสังคม
ผลงานวรรณกรรมของ มงคล แซ่อุ่ย ที่พิมพ์เป็นเล่มแล้ว ได้แก่
๑. ทุ่งดอกไม้ (รวมพิมพ์เป็นเล่มหลังจากลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารสตรีสาร)
๒. ก่อนสิ้นมรสุม (นวนิยาย)
๓. จดหมายถึงเมา (รวมเรื่องสั้น)
๔. เพลงนกเหยี่ยว (รวมเรื่องสั้น)
๕. เปลวไฟ (รวมเรื่องสั้น)
๖. รวมเรื่องสั้นอาฟริกัน (แปลร่วมกับ “แววตา”)
๗. รวมเรื่องสั้นรุสเซีย (แปลร่วมกับ “นิล พันชั่ง”)
๘. ผีเสื้อและดอกไม้ (นวนิยาย)
นอกจากหนังสือพิมพ์รวมเล่มดังกล่าวแล้ว มงคล แซ่อุ่ย ยังเขียนเรื่องสั้นให้นิตยสารต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนไม่น้อย เรื่อง “ผีเสื้อและดอกไม้” นับเป็นเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้แก่มงคล แซ่อุ่ย สูงสุด ได้รับคำชมเชยจากนักวิจารณ์วรรณกรรมและผู้อ่านอย่างกว้างขวาง ทั้งยังเป็นเรื่องที่ได้รับรางวัลดีเด่น ประเภทบันเทิงคดีก่อนวัยรุ่น ประจำปี พ.ศ.๒๕๒๒ จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๒๒ ด้วย นวนิยายเรื่องเดียวกันนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสืออ่านประกอบวิชาภาษาไทยสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนั้นยังได้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยมูลนิธิโตโยต้า และต่อมาได้ทำเป็นภาพยนตร์
ปัจจุบัน มงคล แซ่อุ่ย มีงานเขียนน้อยลง ทั้งนี้คงเป็นด้วยเหตุผลที่ว่าเขาจะเขียนนวนิยาย เพียงปีละ ๑ เรื่อง เพื่อให้ได้คุณภาพจริง ๆ และงานธุรกิจที่เขาเกี่ยวข้องอยู่ในชีวิตประจำวันก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีเวลาสำหรับเขียนหนังสือน้อยลง อย่างไรก็ตามนับว่า มงคล แซ่อุ่ย เป็นนักเขียนชาวใต้ที่ประสบความสำเร็จในการเขียนหนังสือเป็นอย่างสูงคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน