ลงแป้งผ้า

ลงแป้งผ้า  



           ลงแป้งผ้า เป็นวิธีการที่ทำให้เสื้อผ้าที่ซักและผึ่งแดดแห้งแล้ว สามารถนำไปรีดได้เรียบ มีจีบคมชัดขึ้น และจีบคงรูปได้นานกว่าปรกติเมื่อใช้สวมใส่ เป็นวิธีการแบบชาวบ้านที่นิยมปฏิบัติกันมากในภาคใต้สมัยก่อน คือเมื่อประมาณ ๒๐-๕๐ ปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงสมัยนั้นเทคโนโลยีด้านการผลิตผ้ายังไม่พัฒนาก้าวไกลเช่นทุกวันนี้ ผ้าเส้นใยสังเคราะห์หรือผ้าเส้นใยธรรมชาติที่ได้รับการพัฒนาแล้วยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ชาวบ้านจึงนิยมใช้เสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าด้ายดิบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากจะซื้อหาได้ง่ายแล้วยังมีราคาไม่สูงนักด้วย ผ้าดังกล่าวมักมีเนื้อหยาบและยับง่าย เมื่อนำเอามาตัดเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ชาวบ้านจึงแก้ปัญหาโดยวิธีการ “ลงแป้งผ้า” ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการซักผ้านั่นเอง และเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาช้านาน แม้ในปัจจุบันก็ยังมีการปฏิบัติกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มชาวบ้านตามชนบททั่วไป

วิธีการเตรียมแป้ง
         โดยการเอาน้ำจำนวนพอประมาณใส่ลงในภาชนะที่มีปากกว้าง เช่น กะละมัง อ่าง ถังน้ำ เป็นต้น เอาแป้งมัน (แป้งมันสำปะหลัง ซึ่งมีขายทั่วไปตามท้องตลาด) จำนวนหนึ่งใส่ลงไป กะว่าให้พอเหมาะกับจำนวนเสื้อผ้าที่จะใช้ลงแป้งครั้งหนึ่ง ๆ โดยทั่วไปแล้วจะใช้แป้งมันประมาณ ๒-๓ กำมือ ต่อเสื้อผ้า ๓-๕ ตัว เมื่อใส่แป้งมันลงไปแล้วใช้มือคนให้ทั่วเพื่อให้แป้งมันละลายเข้ากับน้ำเป็นอย่างดี จนกลายเป็นน้ำแป้งสีขาวข้น แล้วจึงเอาน้ำร้อนซึ่งได้ต้มเตรียมไว้แล้วค่อย ๆ รินใส่ลงไป พร้อมกับใช้ไม้คนน้ำแป้งนั้นให้ทั่วภาชนะ ซึ่งจะต้องคนให้ค่อนข้างเร็วและให้ทั่วถึงจริง ๆ มิฉะนั้นจะทำให้แป้งมันบางส่วนจับตัวแข็งเป็นก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง ไม่เหมาะที่จะใช้ลงแป้งผ้า เมื่อคนอย่างดีน้ำแป้งจะค่อย ๆ สุก เปลี่ยนจากสีขาวเป็นน้ำแป้งใสไร้สี ยังคงรินน้ำร้อนลงไปและคนไปเรื่อย ๆ จนเห็นว่าน้ำแป้งไม่ข้นเหนียวนัก แล้วจึงใช้น้ำเย็นส่วนหนึ่งผสมลงไปได้ เพื่อให้น้ำแป้งไม่ร้อนเกินไปที่จะใช้ลงแป้งผ้าและได้น้ำแป้งที่มีปริมาณมากพอที่จะลงแป้งผ้าในครั้งนั้น ๆ

         ในการเตรียมน้ำแป้งที่จะใช้ลงแป้งผ้านี้ บางคนอาจใช้วิธีการกลับกันจากที่กล่าวมาแล้วก็ได้คือแทนที่จะค่อย ๆ รินน้ำร้อนลงไปในน้ำแป้งที่ขุ่นขาว แต่กลับใช้นำแป้งที่ขุ่นขาวรินลงไปในน้ำร้อน โดยการต้มน้ำร้อนในกะละมัง หม้อ หรือภาชนะอื่นที่มีปากกว้าง เอาแป้งมันละลายกับน้ำในถ้วยหรือภาชนะอื่นที่ไม่ใหญ่นัก เมื่อน้ำที่ต้มเดือดก็ค่อย ๆ รินน้ำแป้งลงไปในน้ำเดือดนั้น โดยใช้ไม้คนให้ทั่วเช่นเดียวกัน ก็จะได้น้ำแป้งสุกเปลี่ยนจากสีขาวเป็นไร้สี แล้วค่อยผสมน้ำเย็นส่วนหนึ่งลงไปเช่นเดียวกับวิธีแรก ก็จะได้น้ำแป้งที่จะใช้ลงแป้งผ้าได้

         วิธีการลงแป้งผ้า นำเอาเสื้อผ้าที่ได้ซักและบิดจนหมาดแล้วเฉพาะที่จะใช้ลงแป้ง มาผึ่งออกแล้วสะบัดสัก ๒-๓ ครั้ง เพื่อทำให้เสื้อผ้านั้นคลี่ตัวดีขึ้น และเป็นการไล่น้ำอีกชั้นหนึ่งด้วย จะไม่นิยมนำผ้าที่บิดหลังซักไปลงแป้งทันที เพราะจะทำให้น้ำแป้งเกาะติดอยู่ตามซอกหรือรอยยับของเสื้อผ้ามากกว่าส่วนอื่น เมื่อปรับสภาพผ้าแล้วจึงเอาเสื้อผ้านั้นใส่ลงไปในน้ำแป้งที่เตรียมไว้แล้ว โดยให้เสื้อผ้านั้นจมในน้ำแป้งหรือทำให้เปียกน้ำแป้งจนทั่ว จับเสื้อผ้ายกขึ้นแล้วชุบลงอีกสัก ๒-๓ ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเสื้อผ้าเปียกน้ำแป้งจนทั่วแล้วจริง ๆ จึงยกผ้าขึ้นเอาไปผึ่งแดด หรือจะรูดเบา ๆ เพื่อไล่น้ำแป้งก่อนผึ่งแดดก็ได้แต่ไม่นิยมบิดเสื้อผ้าหลังจากลงแป้งแล้ว เพราะจะทำให้น้ำแป้งเกาะตัวมากตามรอยบิด เมื่อผ้าแห้งส่วนนั้นจะแข็งหนากว่าส่วนอื่น การลงแป้งเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับที่กล่าวแล้ว

เสื้อผ้าที่ลงแป้งเมื่อแห้งจะแข็งตัวกว่าปรกติ เมื่อจะรีดก็พรมน้ำเล็กน้อยพอหมาด ๆ จะทำให้รีดได้เรียบ สามารจับจีบได้คมชัดและจีบจะคงรูปได้นานกว่าปกติเมื่อสวมใส่ 


ชื่อคำ : ลงแป้งผ้า
หมวดหมู่หลัก : ธรรมชาติ ชีวิต และสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ย่อย : เบ็ดเตล็ด
ชื่อผู้แต่ง : พรศักดิ์ พรหมแก้ว