กระถิน หรือ กระถินไทย ทางใต้เรียกว่า สะตอเบา สะตอบ้าน ตอเบา ตอแต ก็เรียก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Leucaena leucocephala เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ขึ้นเองทั่ว ๆ ไปหรือปลูกไว้ริมบ้านริมสวน ใบ เล็กเป็นฝอย ดอก ขาวกลมโตขนาดเท่าหัวแม่มือ ดอกเป็นฝอยนุ่ม มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ฝักออกเป็นช่อ แบนยาวประมาณ ๕-๖ นิ้ว เห็นเมล็ดนูนในฝักเป็นจุด ๆ ตลอดทั้งฝัก ยอดอ่อน ดอกและฝักอ่อน ใช้รับประทานเป็นผักสด เช่น จิ้มกับน้ำพริก หลนหรือน้ำบูดู เมล็ดสดที่ปอกแล้วใช้ทานเป็นผักในข้าวยำ เมล็ดที่สุกแล้วจะมีสีดำหรือน้ำตาล (อาจใช้ทำเป็นเครื่องประดับ)
ขณะนี้มีกระถินพันธุ์ใหม่ที่นำมาปลูกกันอีกพันธุ์หนึ่ง เรียกว่า กระถินยักษ์ ลักษณะของลำต้น กิ่ง ใบดอกก็เหมือนกับกระถินไทย แต่ทว่ากระถินยักษ์เป็นไม้โตเร็ว ต้นกิ่งใบดอกและฝักโตกว่ากระถินพื้นเมืองของเรา การบริโภคยอดดอกและฝักอ่อนของกระถินต้องระวัง คือไม่ควรจะบริโภคมากเกินไป เพราะในกระถินมีสารพิษอยู่ชนิดหนึ่งชื่อว่า “มิโมซิน” (mimosine) สารนี้หากสัตว์กินเข้าไปมาก ๆ จะทำให้เกิดอาการขนร่วง อวัยวะสืบพันธุ์เสื่อมและเป็นหมันได้ ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากกระถินขณะนี้ คือใช้ใบตากแห้งทำเป็นใบกระถินป่นเพื่อใช้ผสมเป็นอาหารสัตว์ ใบกระถินป่นมีโปรตีนประมาณร้อยละ ๑๘-๒๐ แต่ควรใช้ในอาหารของสุกรและไก่ได้ไม่เกินร้อยละ ๕-๗ สำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องพวกโค ควาย แพะ แกะ สามารถใช้หรือกินใบกระถินได้เป็นปริมาณมากกว่าสุกรและไก่หลายเท่า เพราะจุลินทรีย์ในกระเพาะของโค ควาย แพะ แกะ สามารถทำลายสารพิษมิโมซินได้ เมล็ดกินเป็น “ผักเหนาะ” ได้ ลำต้นของกระถินใช้เป็นเชื้อเพลิง ทำฟืนหรือเผาถ่าน และนิยมปลูกกระถินเป็นแนวรั้วหรือเป็นไม้ป้องกันลม