ดีปลีเมือง : พืช

            ดีปลีเมือง (พริกดอกใหญ่แห้ง) เป็นกรรมวิธีการทำให้พริกดอกใหญ่สดเป็นพริกดอกใหญ่แห้งซึ่งเป็นการถนอมอาหารวิธีหนึ่ง ชาวปักษ์ใต้เรียกพริกดอกใหญ่ทุกชนิดว่า “ดีปลีดอกใหญ่” แต่ความนิยมดีปลีดอกใหญ่มีน้อยกว่าดีปลีดอกเล็ก เพราะดีปลีดอกใหญ่มีความเผ็ดน้อยกว่า อาหารของชาวปักษ์ใต้ทั่ว ๆ ไปต้องมีรสเผ็ดนำในทุกมื้อ และส่วนมากมักเป็นแกงเผ็ด หากใช้ดีปลีดอกใหญ่ประกอบเป็นเครื่องแกงก็มิอาจทำให้แกงมีรสเผ็ดขึ้นได้ไม่ตรงกับรสนิยม จึงใช้พริกดอกเล็กประกอบเครื่องแกงกันทั่วไป ส่วนพริกดอกใหญ่สดนิยมผัดกับปลา หมู เนื้อ หรือใช้จิ้มอาหารบางอย่าง เช่น มันกุ้งแทนผัก พริกดอกใหญ่สุกหรือแห้งจึงมีความนิยมน้อย ยิ่งเป็นพริกดอกใหญ่พื้นบ้านความนิยมยิ่งลดลงไปอีก แต่อย่างไรก็ตามอาหารปักษ์ใต้นอกจากนิยมเผ็ดแล้ว ยังนิยมให้แกงมีสีเข้มด้วย พริกดอกเล็กมิอาจทำให้สีแกงเข้มได้ จึงใช้พริกดอกใหญ่สุกเป็นส่วนผสมในเครื่องแกง แต่ไม่ค่อยมีจำนวนมากพอ จึงมีพริกดอกใหญ่แห้งจากภาคอื่นของประเทศเข้ามาขายในภาคใต้ เรียกว่า “ดีปลีเมือง” ซึ่งหมายถึงพริกดอกใหญ่ที่ทำแห้งแล้วของเมืองอื่นที่มีขายอยู่นั่นเอง ยิ่งในปัจจุบันอาหารปักษ์ใต้มีรสนิยมโน้มเอียงคล้ายกับอาหารภาคกลาง ดีปลีเมืองได้เป็นตัวประกอบที่สำคัญของเครื่องแกงเป็นอย่างมากจึงเพิ่มความนิยมสูงขึ้นกว่าในอดีต

            ดีปลีเมือง ทำมาจากพริกดอกใหญ่ทุกชนิดปล่อยให้สุกเป็นสีแดง เก็บมาตากแดดจนแห้งก็จะกลายเป็นสีแดงอมดำ ตามความหมายของคนปักษ์ใต้ที่เรียกว่าดีปลีเมืองนั้นเอง แต่ดีปลีเมืองที่ทำโดยวิธีนี้ดูซีดแห้งไม่ชวนให้นำไปใช้มากนัก จึงมีการทำอีกวิธีหนึ่ง คือ เอาน้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันพืชชนิดอื่นก็ได้ใส่ลงในน้ำกำลังเดือดน้ำมันจะละลายผสมกับน้ำเดือด แล้วจึงนำพริกดอกใหญ่สุกที่เป็นสีแดงสด ลวกในน้ำเดือดนั้นเพียงครู่เดียว ยกขึ้นตากแดดจนแห้ง จะช่วยเพิ่มสีให้เข้มขึ้น และยังช่วยเพิ่มให้ผิวนอกเป็นมันชวนให้น่าดูน่าใช้ยิ่งขึ้นกว่าวิธีแรก ดีปลีเมืองใช้ผสมในเครื่องแกงคั่ว แกงเผ็ดเกือบทุกชนิด และใช้ประกอบอาหารที่ผัดบางชนิดแทนใส่สีหรือแทนซอส เช่น ผัดไทย ผัดหมี่ (บะหมี่) นิยมรับประทานและรู้จักกันดีในท้องที่อำเภอหัวไทร เชียรใหญ่ ชะอวด ปากพนัง และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช (เฉลียว เรืองเดช) 

ชื่อคำ : ดีปลีเมือง : พืช
หมวดหมู่หลัก : ธรรมชาติ ชีวิต และสิ่งแวดล้อม
หมวดหมู่ย่อย : พืช พืชสมุนไพร
ชื่อผู้แต่ง : เฉลียว เรืองเดช
เล่มที่ : ๕
หน้าที่ : ๒๖๗๕